จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบสภาพท้ายรถบรรทุกพังเป็นแถวยาวไปจนถึงตัวหัวลาก ส่วนรถตู้พังยับเยินติดอัดด้านข้างรถบรรทุก มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งชายและหญิง ทั้งหมด 12 คน รวมคนขับ ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ภัยสบปราบ แพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลสบปราบ เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยนครลำปาง ได้ช่วยกันคัดกรองผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อที่จะปฐมพยาบาลก่อนที่จะเร่งนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสบปราบอีกครั้ง เบื้องต้นพบว่า มี 10 คน ที่เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือออกจากตัวรถมาได้ บาดเจ็บตามร่างกาย มีบาดแผลถลอก และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 คน คือ คนขับอายุประมาณ 50 กว่าปี ที่ติดภายในที่นั่งคนขับถูกพวงมาลัยรถอัดทับร่างไว้ และผู้โดยสารที่นั่งด้านหน้าข้างที่นั่งคนขับ ติดคาหน้ารถเช่นกัน เจ้าหน้าที่ได้นำอุปกรณ์เครื่องตัดถ่างสามารถช่วยเหลือ คนขับออกมาได้ในสภาพบาดแผลที่ศีรษะและใบหน้า ส่วนผู้โดยสารอีกคนใช้เวลาประมาณ 10 นาที เจ้าหน้าที่สามารถนำร่างออกมาได้ในสภาพสาหัสเช่นกัน เจ้าหน้าที่เร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนที่จะเร่งนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสบปราบอีกครั้ง
จากการสอบสวนของ ร.ต.อ.ภัณฑารักษ์ เครือวงศ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.สบปราบ เบื้องต้นทราบว่า ทางคณะรถตู้โดยสาร เป็นคณะเจ้าหน้าที่ของ อบต.แห่งหนึ่งใน จังหวัดสมุทรสงคราม เดินทาง มาจากจังหวัด สมุทรสาคร มุ่งหน้าไปประชุม ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางมาด้วยกันทั้งหมด 12 คน รวมถึงคนขับ และเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ คาดว่าคนขับหลับใน เนื่องจากได้พุ่งชนท้ายรถ บรรทุกเทรลเลอร์ 18 ล้อ อย่างจัง และจังหวะนั้นรถก็ไหลไปเรื่อย ๆ ก่อนจะไปแน่นิ่ง พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ เบื้องต้นพบคนขับและคนนั่งด้านข้างติดภายในรถ ส่วนผู้โดยสารคนอื่น ๆ โชคดีแค่เจ็บเล็กน้อย ด้านนายทองดี งามเขต อายุ 45 ปี คนขับ บรรทุกเทรลเลอร์ 18 ล้อ ยืนรอให้การในที่เกิดเหตุ ได้ให้การว่า ตนเองได้ ตีรถเปล่ามาจาก กทม. มุ่งหน้าไปรับสิ้นค้าที่ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้ขับผ่านเนินแม่กั๊ว หรือเนินอาถรรพ์ ที่มักมีอุบัติเหตุทางถนนบ่อยครั้ง โดยขับผ่านพ้นเนินมาได้เพียง 500 เมตร ก็ตกใจเมื่อได้ยินเสียงรถชนท้ายสนั่น ตนจึงประคองรถให้ไหลไปเรื่อย ๆ เนื่องจากหากหยุดหรือจอดทันที รถตู้จะพังเสียหายและเกิดความสูญเสียมากกว่านี้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนคนขับรถตู้ถึงสาเหตุในครั้งนี้อีกครั้งหนึ่งต่อไป
